HTML5 เป็นภาษาที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นภาษามาร์กอัปสำหรับ WWW รุ่นต่อไปของ HTML ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2004 โดยกลุ่ม WHATWG(The Web Hypertext Application Technology Working Group) โดยเรียกชื่อว่า Web applications 1.0 โดยดราฟต์แรกได้ปรากฏออกมาเมื่อ 22 มกราคม พ.ศ. 2551 โดย HTML5 จะช่วยลดการใช้พวกปลั๊กอินพิเศษอย่างพวก Adobe Flash, Microsoft Silverlight, Apache Pivot และ Sun JavaFX HTML5 มาพร้อมกับองค์ประกอบ และคุณลักษณะใหม่ ๆ ที่แสดงให้เห็นการใช้งานทั่ว ๆ ไปของเว็บไซต์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเอามาแทนที่ตัวเดิม ๆ ที่เราเคยใช้กันอย่างเช่น div และ span
เทคโนโลยีใน HTML5 แทบไม่มีอะไรใหม่ในโลกไอทีเลย เพราะเกือบทุกอย่างที่ HTML5 ทำได้ อยู่ในกระบวนการพัฒนาโปรแกรมแบบ native มาช้านานแล้ว เช่น การทำงานแบบออฟไลน์ หรือ การวาดกราฟิก เพียงแต่ HTML5 นำเทคโนโลยีที่เคยอยู่ในโลก native ย้ายเข้ามาสู่โลกของเว็บ ทำให้มันมีข้อดีของทั้งสองโลก คือ ฟีเจอร์อันร่ำรวยและประสิทธิภาพในการทำงานจากโลก native มาผสานกับความคล่องตัว เข้าถึงได้จากทุกที่ของเว็บเดิมที ภาษาตระกูล HTML/SGML เป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อ "อธิบาย" หรือ "นิยาม" การแสดงผลข้อมูล เช่น ตัวหนา ตัวเอียง หัวเรื่อง ลิงก์ ซึ่งการใช้งานก็คือเอาไว้ทำเอกสารที่เชื่อมโยงกัน (ตัวอย่างคือ Help ของวินโดวส์) พอมีอินเทอร์เน็ต HTML ก็ทำหน้าที่สร้าง "โบวชัวร์อิเล็กทรอนิกส์" ที่สามารถดูได้จากระยะไกล ถึงแม้ตอนแรกจะมีแต่ข้อความ แต่ระยะต่อๆ มาเทคโนโลยีเว็บก็พัฒนามากขึ้น สามารถใส่ภาพ เสียง วิดีโอ (ผ่านปลั๊กอิน) มีแนวคิดเชิงโปรแกรมอย่างจาวาสคริปต์เข้ามา (จริงๆ มี VBScript ด้วยแต่ดังสู้ไม่ได้) ในยุคของ HTML3 พอเป็นยุคของ HTML4 เราเริ่มเห็นเว็บแบบที่ตอบโต้ได้ มีความเป็นอินเตอร์แอคทีฟมากขึ้น ซึ่งเกิดจากเทคโนโลยีอย่าง AJAX, XMLHttpRequest ทำให้เว็บมีความใกล้เคียงกับ "แอพ" แบบดั้งเดิมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มันยังสู้แอพแบบ native ไม่ได้ เพราะยังขาดฟีเจอร์สำคัญๆ อีกหลายอย่าง เช่น การทำงานออฟไลน์ กราฟิกสามมิติ ฯลฯ นั่นเอง
สุดท้ายแล้ว HTML5 จะช่วยให้เรานำเทคโนโลยีจากโลกของเว็บ มาสร้างแอพที่มีลักษณะใกล้เคียงกับแอพแบบ native (ไม่ว่าจะบนพีซีหรือมือถือได้) ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือ PhoneGap ซึ่งเป็นเครื่องมือพัฒนาแอพมือถือด้วย HTML5